วิกฤตินกทะเล: ไม่ใช่แค่ปลาที่เดือดร้อนจากขยะในทะเล
- Admin
- Mar 29, 2020
- 1 min read
Updated: May 30, 2020

หากพูดถึงเสียงของท้องทะเล คุณจะนึกถึงเสียงอะไร? แน่นอนว่าต้องเป็นเสียงของคลื่นที่กระทบชายฝั่ง และเสียงลมพัดพาเอากลิ่นของทะเลเข้ามาปะทะกับเสื้อผ้าและผมให้ปลิวว่อน แต่อีกเสียงหนึ่งที่ทุกคนน่าจะนึกถึงด้วย ก็คือเสียงของนกทะเล
นกทะเล เป็นนกที่พบได้ทั่วไปตามชายฝั่งที่มีเกาะเล็กเกาะน้อย หน้าผาสูง หรือถ้ำริมทะเล นกจำพวกนี้มีชีวิตที่ต้องพึ่งพาทั้งทะเล และบนบก พวกมันทำรังและวางไข่บนบก แต่หาอาหารจำพวกปลาตัวเล็ก และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในทะเล นกทะเลบางประเภทเป็นพวกที่บินย้ายถิ่นหาอาหารไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จะบินกลับไปหาคู่และวางไข่ที่เดิมเสมอ
นกทะเลสำคัญอย่างไร?
เมื่อพูดถึงนกที่อยู่ตามทะเล หลายคนอาจจะนึกถึงภาพของนกนางนวล นกสีขาวตัวขนาดกลาง ชอบบินร่อนในอากาศ คอยโฉบจับเหยื่ออยู่ตามชายทะเล กินอิ่มแล้วก็พากันไปลอยน้ำเล่นเป็นกลุ่ม ดูเผิน ๆ แล้วนกทะเลดูเหมือนจะหาได้ง่าย และออกจะน่ารำคาญเสียด้วยซ้ำ แต่แท้จริงแล้ว นกทะเลนั้นมีหลายชนิด และทุกชนิดก็มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ทั้งนั้น
วงจรชีวิตของนกทะเลช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ
นกทะเลนำสารอาหารที่สำคัญจากทะเลมาสู่เกาะด้วยการอึออกมาเป็นปุ๋ยขี้นก
ปุ๋ยขี้นกมีสาอาหารที่ช่วยในการเจริญเติมโตของพืช
เมื่อพืชเติบโตจะทำให้ปริมาณแมลงเพิ่มมากขึ้น
นกชนิดอื่น ๆ และสัตว์เลื้อยคลานกินแมลงเป็นอาหาร
โดยสรุปคือนกทะเลมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์เป็นอย่างมาก กล่าวอีกแบบก็คือหากเราไม่รักษานกทะเลไว้ การฟื้นฟูและรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์แบบเกาะ และตามชายฝั่งก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้
ทำไมนกทะเลถึงลดลง?
ในปี 2015 ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าร้อยละ 90 ของนกทะเลมีขยะพลาสติกอยู่ในระบบทางเดินอาหาร และเป็นไปได้ว่าสถิตินี้จะกลายเป็นร้อยละ 100 ภายในไม่ช้า และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ผลการศึกษายังพบอีกว่า อัตราการผลิตพลาสติกและอัตราของพลาสติกในนกทะเลนั้นเพิ่มขึ้นพร้อมกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน
นกอัลบาทรอสเป็นหนึ่งในนกทะเลที่วิถีชีวิตทำให้มันต้องกินขยะพลาสติกเข้าไปจำนวนมากโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมันจับปลาเป็นอาหารด้วยการบินเหนือน้ำ และใช้จงอยปากเรียดผิวน้ำ ทำให้ขยะพลาสติกที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เช่นถุงพลาสติก และเส้นใยสังเคราะห์ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ ติดเข้าไปในปากของมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
นกทะเลชนิดอื่น เช่น นก Parakeet Auklet แม้ล่าเหยื่อด้วยการดำน้ำก็ยังได้รับผลกระทบ เพราะมักเข้าใจผิดว่าขยะที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำคือแมงกะพรุนซึ่งเป็นอาหารหลักของมันเช่นกัน
ไม่เพียงแต่เพราะว่าขยะพลาสติกทำให้นกขาดสารอาหารและไม่มีพื้นที่ในกระเพาะที่เพียงพอต่ออาหารของมัน แต่นกทะเลมักตายเพราะขยะพลาสติกชิ้นเล็กที่แข็งและแหลมไปทิ่มแทงอวัยวะภายในของพวกมันอีกด้วย
ชีวิตที่น่าเศร้าของนกทะเล
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่านกทะเลมักจะย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล แต่เมื่อถึงเวลามันก็จะบินกลับไปผสมพันธุ์และวางไข่ที่เดิม โดยเฉลี่ยนกทะเลจะโตพอที่จะผสมพันธุ์เมื่อมีอายุ 5 ปี และส่วนมากวางไข่เพียงแค่ปีละหนึ่งฟองเท่านั้น เมื่อลูกนกฟักออกจากไข่แล้ว มันก็จะอาศัยอยู่ในรังนานถึงสามเดือนกว่าที่จะปีกกล้าขาแข็งออกหากินได้เอง
ก่อนลูกนกจะออกจากรัง พ่อแม่ของมันจะคอยดูแลและหาอาหารให้ แม่นกจะออกล่าเหยื่อและเก็บอาหารไว้ในกระเพาะพัก เมื่อบินกลับมาที่รังจึงขย้อนอาหารออกมาป้อนให้ลูกนก นั่นหมายความว่า แม้ลูกนกจะไม่ได้ออกจากรัง มันก็มีความเสี่ยงที่จะโดนขยะพลาสติกทำร้ายได้เหมือนกัน
ชีวิตของนกทะเลนั้นมีแต่ความยากลำบาก เพราะนอกจากมันจะต้องต่อสู้กับขยะพลาสติกแล้ว มันยังได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์อีกมากมาย อทิ ผลกระทบจากสารเคมีจำพวกโลหะหนัก และยาฆ่าแมลง ที่ปนเปื้อนลงสู้ทะเลจากการปล่อยทิ้งของมนุษย์จากโรงงานลงสู่แม่น้ำ การเผา และการควบแน่นกันในอากาศที่ทำให้เกิดเป็นฝน
สารเคมีพวกนี้เข้าไปสะสมในชั้นไขมันของนก ส่งผลให้นกตายเพราะไม่สามารถใช้ไขมันเพื่อรักษาความอบอุ่นในฤดูหนาวได้ นอกจากนี้ยังทำให้ภูมิคุ้มกันของนกอ่อนแอ และเกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบฮอร์โมน ทำให้ไข่นกขาดแคลเซียม เปลือกไข่ก็บางและแตกง่ายขึ้น ส่งผลให้อัตราการรอดชีวิตของลูกนกต่ำลงไปอีก
อนาคตของมนุษย์และนกทะเล
อย่าที่รู้ดีว่าสัตว์มากมายหลายชนิดได้สูญพันธุ์ไปอย่างไม่มีทางหวนคืนเพราะน้ำมือของมนุษย์ ดังนั้นเราควรตระหนักถึงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบันให้เร็วที่สุด นกทะเลเป็นสัตว์ที่กำลังลังจะสูญพันธุ์ในไม่ช้าอย่างแน่นอน หากมนุษย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตและทำร้ายทะเล
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของเรา?
Comments